เรื่องย่อหนัง
หนัง Irrational Man หรือชื่อไทยว่า อิเรชันนัล แมน คุณว่าชีวิตนี้จะสามารถรักคนห่วยๆ ได้แค่ไหนกัน? วู้ดดี้ อัลเลน จะพาคุณไปหาคำตอบ กับหนังรักป่วงๆ ที่ว่าด้วย เอ๊บ (ฮัวคีน ฟีนิกซ์) ศาสตรจารย์ด้านปรัชญาที่สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขามีปัญหากับการให้คุณค่าในตัวเองอย่างมาก และส่งผลโดยตรงต่อการใช้ชีวิต จนกระทั่ง จิลล์ (เอ็มมา สโตน) สาวน้อยโลกสวยลูกศิษย์ของเขา เข้ามาในชีวิต และทำให้เอ๊บกลับมามีคุณค่าอีกครั้ง

หนึ่ง ซึ่งจิลล์เองก็เริ่มรู้สึกขาดเขาไม่ได้ขึ้นมาเช่นกัน แม้ว่ายิ่งอยู่ด้วยกัน เอ๊บจะยิ่งแสดงอาการหลุดโลกมากขึ้นทุกวันคนทั่วไปเมื่ออายุมาก ก็ควรถึงวัยต้องเกษียณ แต่นั่นคงใช้ไม่ได้กับคุณปู่อย่าง วู้ดดี้ อัลเลน ผู้กำกับวัย 80 ปีที่ขยันสร้างหนังที่มีลายเซ็นเฉพาะตัว ออกมาเฉลี่ยปีละเรื่อง! และนี่คือผลงานล่าสุดที่รับรองว่าโดนใจแฟนๆ!เอ๊บ ลูคัส (ฮัวคิน ฟีนิกซ์) เป็นศาสตราจารย์ด้านวิชาปรัชญาที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขากำลังเผชิญกับวิกฤตที่รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า (Existential Crisis) แต่แล้วชีวิตเขาก็รู้สึกมีคุณค่าขึ้นด้วยการเดินเข้ามาของ จิลล์ พอลลาร์ด (เอ็มมา สโตน) สาวน้อยลูกศิษย์ของเขา เธอเป็นคนมองโลกในแง่บวก และกำลังสานสัมพันธ์กับเอ๊บอย่างชัดเจน ความรักทั้งคู่กำลังเดินหน้าไปได้สวย และโรแมนติกอย่างที่สุด ก้าวข้ามข้อจำกัดทั้งเรื่องอายุ สถานะ และอีกมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่กำลังจะย้อนกลับมาทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขายุ่งเหยิงนั่นคือ อาการและบุคลิกของเอ๊บนั่นเอง ที่ประหลาดและหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
ตัวอย่างหนังออนไลน์

รีวิวหนัง
Irrational Man (Woody Allen / USA / 2015)
Woody Allen ยังไว้ลายได้อย่างพลิ้วพรายด้วยสไตล์หนังที่เล่าร้อยบทสนทนาแสนมีเสน่ห์และสนุกสนานน่าติดตาม พล็อตเรื่องหลักที่เกิดจากเหตุการณ์ที่คนทั่วไปมักมองข้ามที่จะนำมาให้ความสำคัญอย่างการที่ตัวละครหลักแอบได้ยินกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ คุยกันในร้านอาหารในเรื่องความไม่เป็นธรรมที่แม่คนหนึ่งถูกพิพากษาให้พรากกันกับลูกทำให้ตัวละครนำมาคิดต่อยึดโยงกับอุดมการณ์ชีวิตตัวเองจนเลยเถิดไปถึงการเป็นฮีโร่หาเสี้ยนนั้นมันเข้าถึงได้ไม่ยาก เพราะเราก็ต่างเคยแอบได้ยินโต๊ะข้างๆ คุยกัน อีกทั้งยังพูดพร่ำถึงความถูกต้องทางศีลธรรมกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตประจำวันหรือตามข้อข่าวอาชญากรรมและการเมืองรายวัน จากนั้นเราก็จะพิพากษาเอนเอียงไปตามข้อมูลที่ได้ยินได้ฟังมาหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเรามี่ความเชื่อมีทัศนคติแบบไหนนั่นแหละ และมักจะนำไปสู่การเกิดคำถามตัดพ้อ สบถด่าผู้กระทำ แสดงความเห็นอกเห็นใจเหยื่อ และคงมีบ้างที่จะมีใครคิดเข้าไปยุ่มย่ามถามไถ่คนแปลกหน้า แต่ใครบ้างที่คิดเลยไปจนถึงการฆาตกรรม แต่ Woody Allen สามารถวาดวางให้ความคิดและประสบการณ์ชีวิตของตัวละครมันละเอียดอ่อนเพียงพอที่จะนำพาให้เราเชื่อว่าตัวละครมันไปถึงจุดนั้นได้นั่นน่ะสิ

หนังวางให้เรารู้สึกเข้าข้างพระเอกได้ง่ายๆ หรือถ้าใครคิดอยู่คนละฟากกับพระเอกตั้งแต่แรกก็คงจะไม่มีทางปรองดองกันได้ง่ายๆ และวางให้ผู้พิพากษาคนเลวที่เขาคิดจะลงมือฆ่าอยู่ในความไม่ชัดเจนว่าเขาเลวจริงหรือเปล่าไม่รู้ ไม่มีการเน้นย้ำภาพที่ผู้พิพากษากระทำเลวจริงจัง มีเพียงคำพูดพร่ำของพระเอกจอมวางแผนที่สืบหามาว่าเขาเลว ทำให้เราไม่เชียร์พระเอกอย่างเต็มที่และยังมีความกังขาต่อผู้พิพากษาที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในฐานะผู้ถูกตัดสินเฉกเช่นเดียวกับแม่คนที่ถูกพรากลูก มันเกิดการชั่งตวงเรื่องศีลธรรมได้พอดีและเกิดจุดกระอักกระอ่วนบางๆ หน่วงๆ ให้ได้พิจารณาความเข้าท่าของการกระทำของพระเอกไปพร้อมกับกราฟความสมควรตายของผู้พิพากษาที่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในใจ

แถมยังมากด้วยมิติให้ขบคิดระหว่างความคิดของอาจารย์วิชาปรัชญาผู้เจนชีวิต กับความคิดของลูกศิษย์สาวสวยผู้ไม่ยึดติดความสัมพันธ์และอยากรู้อยากลอง ที่ทั้งสองได้เผลอใจจนเกิดความสัมพันธ์จนเลยเถิดเข้าไปสู่กับความดำมืดของอีกฝั่ง ที่เหมือนคนทั้งสองจะตื่นเต้นกับความน่าค้นหาในตอนแรกแต่ต่างฝ่ายก็ต่างมีลิมิตขอบเขตศีลธรรมของตัวเองจนกลายเป็นขั้วตรงข้ามกัน ความมืดบอดทางศีลธรรมทั้งหมดนั้นกลับเพลิดเพลินสนุกสนานไร้ความรู้สึกระทึกสยดสยอง และแทนที่ด้วยความตลกโรแมนติก ความเป็นหนังสืบสวนสอบสวนยังกรุ่นอยู่ทั้งที่เรารู้ตั้งแต่แรกว่าใครเป็นคนทำ การเปลี่ยนตัวดีตัวร้ายที่ทำให้เราเปลี่ยนฝ่ายเชียร์ให้รอดในตอนท้ายนั้นก็น่าชวนหัว เปี่ยมด้วยชั้นเชิงสติปัญญาที่ปูทางไว้อย่างช่ำชองทว่าผ่อนคลายเบาสมองได้อย่างร้ายกาจ อดใจไม่ได้ที่จะอยากให้ Woody Allen ได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเวทีรางวัลปลายปีถึงต้นปีที่จะถึงนี้ แต่คงไม่มีทางเพราะคะแนนจากคนดูฝั่งตะวันตกดูท่าจะน้อยนิดเสียเหลือเกิน โอเคว่ามันยังดูซ้ำซาก คลิเช และดูโต้งๆ ไปหน่อยในหลายส่วนตั้งแต่พล็อตยันธีมหนัง แต่ Irrational Man ก็เป็นหนังอีกเรื่องของปีนี้ที่ส่วนตัวแล้วเราชอบและเพลิดเพลินกับทุกอย่างในหนังมากๆ มากกว่าหนังบางเรื่องของผู้กำกับคนเดียวกันที่เข้าชิงรางวัลเยอะแยะเสียอีก